หลายคนฝันอยากมีรายได้เสริมและมีอิสระทางการเงิน แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากไหน หากคุณกำลังมองหาวิธีการสร้างรายได้แบบ Passive income โดยที่ไม่ต้องลงทุนแรงงานมากนักแต่มีรายได้เสริมที่มั่นคงและอิสรภาพทางการเงิน ธุรกิจแฟรนไชส์อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา
ธุรกิจแฟรนไชส์ถูกออกแบบมาเพื่อให้เจ้าของธุรกิจสามารถถอนตัวออกจากการบริหารจัดการได้หลังจากที่ธุรกิจเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ด้วยระบบการทำงานที่มีความชัดเจนและเป็นระบบ สามารถจ้างพนักงานหรือผู้จัดการร้านมาดูแลธุรกิจแทน ทำให้มีเวลาส่วนตัวมากขึ้น และใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องกังวลกับภาระงาน
บทความนี้จะนำเสนอวิธีการสร้างรายได้แบบPassive income จากธุรกิจแฟรนไชส์ และเคล็ดลับในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่เหมาะสมกับคุณ เพื่อให้สามารถเริ่มต้นสร้างรายได้เสริมและก้าวสู่ความมั่งคั่งอย่างมั่นคงได้
ธุรกิจแฟรนไชส์Franchise คืออะไร ?
ธุรกิจแฟรนไชส์ คือ การทำธุรกิจรูปแบบหนึ่งที่เจ้าของธุรกิจ (หรือที่เรียกว่า “แฟรนไชส์เซอร์”) มอบสิทธิ์ให้บุคคลอื่น (หรือที่เรียกว่า “แฟรนไชส์ซี”) นำแบรนด์ สินค้า บริการ และระบบการดำเนินธุรกิจของตนไปทำธุรกิจต่อ ในที่นี้การสร้าง Passive Income จากธุรกิจแฟรนไชส์คือ การนำเงินไปลงทุนในธุรกิจที่ถูกออกแบบการซื้อขายไว้ทั้งหมดแล้ว แล้วได้รายได้จากการทำธุรกิจนั้น ตัวอย่างธุรกิจแฟรนไชส์ที่อาจจะคุ้นเคย เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขายยา ซักผ้าหยอดเหรียญ เป็นต้น
เพื่อให้เข้าใจง่ายจากภาพนี้แสดงถึง Value Chain ของธุรกิจแฟรนไชส์ โดยแบ่งออกเป็นสองฝั่งหลัก ๆ คือ ฝั่งของผู้ให้สิทธิ์แฟรนไชส์ (Franchisor) และฝั่งของผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ (Franchisee) รวมถึงขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งสองฝ่ายมีบทบาทและหน้าที่ที่สำคัญในการสร้างความสำเร็จของธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งมีรายละเอียดตามภาพดังนี้
ฝั่งของผู้ให้สิทธิ์แฟรนไชส์ (Franchisor)
- R&D (Research and Development) วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ รวมถึงการพัฒนาโมเดลธุรกิจและระบบการจัดการต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ในธุรกิจแฟรนไชส์
- Marketing การตลาดและการสร้างแบรนด์เพื่อเพิ่มการรับรู้และการยอมรับของลูกค้า รวมถึงการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อส่งเสริมการขายและการตลาดของแฟรนไชส์
- Franchise System Development การพัฒนาระบบแฟรนไชส์ ซึ่งรวมถึงการกำหนดแนวทางการดำเนินงานและการจัดการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้รับสิทธิ์สามารถปฏิบัติตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
* จะได้รายได้จาก ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ และ ค่าธรรมเนียมต่อเนื่อง (Royalty Fee) จากแฟรนไชส์ซี
ฝั่งของผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ (Franchisee)
- Production ผลิตและดำเนินการตามแนวทางที่ผู้ให้สิทธิ์กำหนดไว้ เพื่อให้ผลิตสินค้าและบริการได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
- Sales and Services ขายสินค้าและให้บริการตามมาตรฐานที่กำหนด รวมถึงการบริหารจัดการลูกค้าและการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
*เฟรนไชส์ซี หรือ ผู้ที่ลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์จะได้รายได้จาก การขายสินค้าหรือบริการ ให้กับลูกค้า
ธุรกิจแฟรนไชส์สามารถช่วยให้ธุรกิจขยายตัวได้อย่างรวดเร็วและเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ โดยมีการสนับสนุนจากผู้ให้สิทธิ์แฟรนไชส์ในด้านต่าง ๆ ซึ่งทำให้ผู้รับสิทธิ์สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องระวังความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์เช่นกัน
ประเภทของธุรกิจเฟรนไชส์
ธุรกิจแฟรนไชส์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ตามลักษณะและรูปแบบการดำเนินการ ได้แก่ Product and Brand Franchising, Business Format Franchising, และ Conversion Franchising ซึ่งแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของผู้ประกอบการ ดังนี้
1. Product and Brand Franchising
การที่องค์กรผู้ผลิตสินค้าหรือบริการที่เป็นเจ้าของสิทธิ์ให้สิทธิ์บุคคลอื่นในการขายสินค้าที่ตนเองผลิต รวมถึงการใช้เครื่องหมายการค้า โดยผู้รับสิทธิ์สามารถดำเนินกิจการได้อย่างอิสระ เป็นรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์ที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศไทย เช่น ร้านชานมไข่มุก ลูกชิ้นปิ้ง ลูกชิ้นทอด ร้านกาแฟ ร้านไอศกรีม ไผ่ทอง เป็นต้น
- เน้นการขายสินค้าหรือบริการ แต่จะเน้นการขายสินค้าหรือบริการ มากกว่าการให้บริการ
- การใช้ประโยชน์จากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก เพราะสินค้าหรือบริการที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขายได้อย่างรวดเร็ว
- การลงทุนเริ่มต้นที่ต่ำกว่าโดยทั่วไป การเข้าร่วมในแฟรนไชส์ประเภทนี้มีค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นที่ต่ำกว่าการเปิดธุรกิจใหม่เอง
- แต่การแข่งขันสูง การแข่งขันระหว่างผู้รับสิทธิ์ในพื้นที่เดียวกันอาจเพิ่มขึ้น
2. Business Format Franchising
องค์กรผู้ผลิตสินค้าหรือบริการที่เป็นเจ้าของสิทธิ์ให้สิทธิ์บุคคลอื่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อขายสินค้าหรือบริการ โดยใช้เครื่องหมายการค้าของเจ้าของสิทธิ์และระบบการจัดการที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว หรือ จะกำหนดระบบการดำเนินธุรกิจที่ครบถ้วนสมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น ร้านสะดวกซัก ( เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ) กาแฟอเมซอน ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ร้านขายยารักษาโรคทั่วไป
- ความเสี่ยงต่ำ เพราะแฟรนไชส์เซอร์จะกำหนดระบบการดำเนินธุรกิจที่เป็นมาตรฐาน ครอบคลุมทุกแง่มุม
- ข้อกำหนดที่เข้มงวด ผู้รับสิทธิ์ต้องปฏิบัติตามแนวทางและข้อกำหนดที่เข้มงวดจากเจ้าของสิทธิ์
- ค่าใช้จ่ายสูง การเข้าร่วมในแฟรนไชส์ประเภทนี้มักมีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมและค่าธรรมเนียมการใช้ระบบที่สูงกว่า
3. Conversion Franchising
เป็นแฟรนไชส์ที่พัฒนามาจาก Business Format ออกแบบมาเพื่อใช้กับผู้ประกอบการอิสระที่มีอยู่เดิม โดยผู้ประกอบการเหล่านี้จะเข้าร่วมระบบแฟรนไชส์ ใช้รูปแบบธุรกิจ และเครื่องหมายการค้าเดียวกัน เช่น ธุรกิจโรงแรม โรงแรมอิสระสามารถเข้าร่วมระบบแฟรนไชส์ เพื่อใช้ชื่อแบรนด์ ระบบจองห้องพัก และระบบการบริการของแฟรนไชส์ซอร์
- จะการเพิ่มความน่าเชื่อถือ การเข้าร่วมกับแฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียงช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและขยาย
ฐานลูกค้าได้ง่ายขึ้น
- การสนับสนุนจากองค์กรขนาดใหญ่ ผู้ประกอบการจะได้รับการสนับสนุนในด้านการตลาดและการบริหารจัดการจากแฟรนไชส์ที่มีประสบการณ์
- เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ธุรกิจสามารถใช้ระบบ กระบวนการ และเครื่องมือของแฟรนไชส์เซอร์
รูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์ที่สามารถสร้างรายได้แบบPassive
ไม่ใช่ทุกแฟรนไชส์จะเหมาะสมสำหรับรายได้แบบpassive แฟรนไชส์ที่ดีที่สุดสำหรับรายได้แบบPassiveมีลักษณะหลายอย่าง ดังนี้
- กระแสเงินสดที่ดี: การเลือกแฟรนไชส์ที่มีกระแสเงินสดที่มั่นคงและเป็นรายได้เพิ่มเติมที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากในการดูแลรักษา ส่วนใหญ่แฟรนไชส์ที่มีรายได้แบบPassive มักจะมีรูปแบบการดำเนินงานที่เรียบง่ายและมีรายได้ที่คงที่ เช่น ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ที่ต้องจ่ายต่อปีหรือต่อเดือน รายได้จากการขายสินค้าหรือบริการที่มีระบบอัตโนมัติ เช่น เครื่องชาร์จมือถืออัตโนมัติหรือระบบตู้น้ำดื่มที่สามารถดูแลตัวเองได้
- ความต้องการต่อเนื่อง Demand: เลือกแฟรนไชส์ในอุตสาหกรรมที่มีความต้องการสูงและเสถียรต่อเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นในด้านอาหารและเครื่องดื่ม บริการด้านสุขภาพ การศึกษา หรือบริการที่มีความต้องการต่อเนื่องจากผู้บริโภคทั่วไป การเลือกแฟรนไชส์ในอุตสาหกรรมที่มีความต้องการเสถียรจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ เช่น แฟรนไชส์อาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีความนิยมและเป็นที่ต้องการในทุกช่วงเวลา
- ไม่ซับซ้อน: การเลือกแฟรนไชส์ที่ไม่ต้องการทักษะพิเศษหรือใบอนุญาตทางเทคนิคที่ซับซ้อน จะทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการและการดูแลธุรกิจ เช่น แฟรนไชส์ที่มีระบบการทำงานที่ทันสมัยและมีการฝึกอบรมเบื้องต้นที่ชัดเจนสำหรับเจ้าของธุรกิจใหม่ เช่น ระบบการบริการลูกค้าที่มีการตอบสนองอย่างรวดเร็วผ่านทางออนไลน์หรือทางโทรศัพท์
- การขยายตัวได้: เลือกแฟรนไชส์ที่มีโอกาสสำหรับการขยายตัวในอนาคต เช่น การเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ต่าง ๆ หรือการเพิ่มบริการใหม่เพื่อตอบสนองตลาดที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น การมีโอกาสในการขยายตัวจะช่วยเพิ่มรายได้และมุ่งเน้นไปที่รายได้แบบpassiveได้มากขึ้น เช่น แฟรนไชส์ร้านอาหารที่มีโอกาสเปิดสาขาในทุกภูมิภาคของประเทศ
- การบริหารจัดการแบบไม่เข้าร่วมหรือเข้าร่วมน้อย: การเลือกแฟรนไชส์ที่อนุญาตให้มีการบริหารจัดการแบบไม่เข้าร่วมหรือเข้าร่วมน้อยจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมกิจการและตัดสินใจได้โดยตรง ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้แบบPassiveโดยไม่ต้องมีการมีส่วนร่วมในการดำเนินการประจำวันของธุรกิจ
จุดเด่นและจุดเสี่ยงของการลงทุนในเฟรนไชส์
จุดเด่นของการลงทุนในเฟรนไชส์
1. ได้การสนับสนุนจากเจ้าของแฟรนไชส์(เฟรนไชส์เซอร์)
- ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการดำเนินธุรกิจ สินค้าหรือบริการ ระบบการขาย การตลาด ฯลฯ
- ได้รับการสนับสนุนทางการตลาด แฟรนไชส์เซอร์อาจให้การสนับสนุนด้านการตลาด เช่น แคมเปญโฆษณา สื่อการตลาด เครื่องมือทางการตลาด ฯลฯ
- การสนับสนุนด้านการดำเนินงาน เช่น การจัดการสินค้าคงคลัง การบริการลูกค้า ฯลฯ
2. มีชื่อเสียงและมีลูกค้า
- แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้วทำให้ ลูกค้าคุ้นเคยกับแบรนด์แฟรนไชส์ จึงรู้สึกมั่นใจและไว้วางใจ
- ฐานลูกค้าที่มีอยู่จากแฟรนไชส์มีฐานลูกค้าที่มีอยู่แล้ว ทำให้มีโอกาสในการขายและสร้างรายได้ตั้งแต่เริ่มต้น
- มีโอกาสในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ ชื่อเสียงของแบรนด์แฟรนไชส์ ช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่
3. ความเสี่ยงน้อย
- โมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ส่วนใหญ่จะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จมากแค่ไหน
- ระบบและกระบวนการที่มีมาตรฐาน ทำให้แฟรนไชส์มีระบบและกระบวนการที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี ช่วยลดความเสี่ยงอื่นๆ
4. โอกาสในการทำกำไร
- มีต้นทุนของราคาสินค้าหรือบริการจากซัพพลายเออร์ได้ในราคาที่ต่ำ
- ฐานลูกค้าที่กว้างขวาง ช่วยให้มีโอกาสในการขายและสร้างรายได้สูง
จุดเสี่ยงของการลงทุนในเฟรนไชส์
1. ข้อจำกัดด้านกฎเกณฑ์
- การถูกจำกัดผู้รับสิทธิ์จะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และข้อกำหนดที่เจ้าของแฟรนไชส์กำหนดไว้ ซึ่งอาจจำกัดความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ
- ตัวอย่างเช่น สถานที่ตั้ง อาจถูกจำกัดให้เปิดธุรกิจในสถานที่ที่กำหนดโดยเจ้าของแฟรนไชส์ ชั่วโมงการเปิดทำการ สินค้าหรือบริการถูกจำกัดให้ขายสินค้าหรือบริการที่กำหนดโดยเจ้าของแฟรนไชส์
2. ด้านค่าใช้จ่าย
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์มักต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นที่สูง ซึ่งอาจรวมถึงค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสถานที่ ค่าอุปกรณ์และสินค้าคงคลัง
- ค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง ผู้รับสิทธิ์ยังต้องจ่ายค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง เช่น ค่าธรรมเนียมรายปี ค่าการตลาด ค่าธรรมเนียมการโฆษณา ค่าธรรมเนียมการฝึกอบรม
- ภาระทางการเงิน ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ อาจสร้างภาระทางการเงินให้กับผู้รับสิทธิ์ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของธุรกิจ
3. ความเป็นส่วนตัว
- การเปิดเผยข้อมูลทางการเงิน เจ้าของแฟรนไชส์มักมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลทางการเงินของผู้รับสิทธิ์ ซึ่งอาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัว
- การควบคุมข้อมูล ผู้รับสิทธิ์อาจมีอิสระในการควบคุมข้อมูลธุรกิจน้อยลง
4. ความขัดแย้ง
- ความขัดแย้ง อาจเกิดความขัดแย้งระหว่างผู้รับสิทธิ์กับเจ้าของแฟรนไชส์
- การขาดการสนับสนุน ผู้รับสิทธิ์อาจรู้สึกว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของแฟรนไชส์เพียงพอ
สรุป
- ธุรกิจแฟรนไชส์สามารถถอนตัวออกจากการบริหารจัดการได้หลังจากที่ธุรกิจเริ่มเข้าที่แล้ว และยังสามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
- การผลิตและการขายสินค้าและบริการที่ถูกออกแบบไว้ ส่วนใหญ่แฟรนไชส์ที่มีpassive incomeมักจะมีรูปแบบการดำเนินงานที่เรียบง่ายและมีรายได้ที่คงที่ เช่น ระบบการผลิตและการบริการที่ได้มาตรฐาน
- เลือกแฟรนไชส์ที่ไม่ซับซ้อนจะทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการและการดูแลธุรกิจ
- ประเภทของแฟรนไชส์แบ่งออกเป็น Product and Brand Franchising, Business Format Franchising, และ Conversion Franchising
- ความเสี่ยงน้อย เพราะโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ส่วนใหญ่จะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จมากแค่ไหน
- ระบบและกระบวนการที่มีมาตรฐานที่ดีช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจแฟรนไชส์
- การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์มักต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นที่สูง ซึ่งอาจรวมถึงค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสถานที่ ค่าอุปกรณ์และสินค้าคงคลัง และผู้รับสิทธิ์ยังต้องจ่ายค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง เช่น ค่าธรรมเนียมรายปี ค่าการตลาด ค่าธรรมเนียมการโฆษณา ค่าธรรมเนียมการฝึกอบรม
Reference:
https://www.costanalysts.com/passive-income-franchises/
https://www.forbes.com/sites/fionasimpson1/2022/10/17/the-five-different-types-of-franchise/
https://www.24washthailand.com/what-is-a-franchise/
https://www.tcg.or.th/news_inside.php?news_id=36